1.1 ทำเลโครงการ

ทำเลที่ตั้งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้ใครสักคนสนใจโครงการนั้น ยิ่งถ้าอยู่ใกล้ที่พักอาศัยเดิม ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนลูก ใกล้ย่านชุมชน ยิ่งน่าสนใจ แต่ก็ต้องสำรวจด้วยว่า มีน้ำท่วม เสียงดังรบกวน หรือมีชุมชนแออัดหรือไม่ เพื่อจะได้นำไปใช้เป็นจิตวิทยา การต่อราคาในอนาคต

1.2 การเดินทางโดยรอบ

หนึ่งในเหตุผลสำคัญของการซื้อคอนโด คือการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย มีทำเลติดแนวรถไฟฟ้า และมีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ส่วนถ้าใครกำลังจะซื้อบ้าน ก็คงต้องรวบรวมข้อมูลของจุดขึ้นลงทางด่วน และเส้นทางลัดในละแวกนั้นด้วย

1.3 ราคาโครงการใกล้เคียง

สำนวนที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง คงจะนำมาปรับใช้ในการวางแผนซื้อบ้านได้อย่างดี เพราะยิ่งทราบข้อมูลของโครงการบ้านและคอนโด ในบริเวณใกล้เคียงมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ทราบว่า เราควรต่อราคาบ้าน เท่าไหร่ดี ถึงจะสมเหตุสมผลมากที่สุด

1.4 แนวโน้มราคาที่ดิน

ราคาประเมินราคาที่ดินจากกรมธนารักษ์ คือเกณฑ์อ้างอิงของวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมีการปรับปรุงใหม่ทุก 4 ปี ดังนั้นผู้ซื้อและนักลงทุนอสังหาฯ ควรศึกษาราคาในส่วนนี้เพิ่มเติมด้วย จะได้ต่อรองราคาได้อย่างมั่นใจ

1.5 วัสดุก่อสร้างและส่วนกลาง

จะต่อราคาบ้าน เท่าไหร่ดี ? บ้านทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮมโครงการนี้ ลดอีกได้ไหม ? คอนโดห้องนี้ แพงไปไหม ? ก่อนจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ คงต้องกลับไปสำรวจวัสดุก่อสร้าง ระบบต่าง ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการอีกครั้ง จะได้ประเมินได้ว่า มีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด

2.1 แสดงออกถึงความต้องการ

บางคนอาจรู้สึกว่า ถ้าเราแสดงออกว่า ต้องการบ้านหลังนั้นมากจนเกินไป จะทำให้เสียอำนาจต่อรอง แต่หากคิดมุมกลับ ถ้าคุณไม่แสดงความต้องการออกไปอย่างจริงใจ ใครกันจะอยากทุ่มเท หรือหาทางช่วยลดราคาให้คุณ จริงไหม ?

2.2 อ้างถึงข้อขัดข้อง

จิตวิทยา การต่อราคา ที่ควรนำมาใช้ใน ขั้นตอนการต่อรองราคา ทั้งการซื้อบ้านมือหนึ่งและซื้อบ้านมือสอง คือการอ้างถึงข้อขัดข้อง ข้อด้อย หรือปัญหา ที่ทำให้คุณยังไม่ตัดสินใจซื้อที่พักอาศัยนั้น

2.3 เปรียบเทียบราคา

จะรู้ว่า ควรต่อราคาบ้าน เท่าไหร่ดี ก็ต้องนำราคาจากโครงการใกล้เคียงมาเปรียบเทียบด้วย ถ้าเป็นบ้าน ก็ควรเลือกโครงการที่มีรูปแบบเดียวกัน ถ้าเป็นคอนโด ก็ควรเลือกเซกเมนต์เดียวกัน ถึงจะนำมาอ้างอิงได้

2.4 เสนอราคาที่ต้องการ

วิธีต่อรองราคาบ้าน ที่กูรูหลายท่านแนะนำกัน คือการยื่นเสนอราคาสุดท้าย เพื่อให้เซลล์มีตัวเลขเอาไว้ไตร่ตรอง โดยแนะนำให้คุณตั้งราคาต่ำกว่าที่ต้องการ จะได้มีสเปซต่อรอง ไม่ให้คุณอึดอัดใจจนเกินไป

2.5 รอเจรจาครั้งถัดไป

หลังจากที่คุณยื่นเสนอราคาสุดท้ายไปแล้ว ควรเว้นระยะเวลาสัก 3 – 5 วัน เพื่อให้เซลล์ได้ใคร่ครวญ รวมถึงรู้สึกกังวลที่อาจจะต้องสูญเสียคุณไป ซึ่งถือเป็นจิตวิทยา การต่อราคาที่ได้ผลเป็นอย่างยิ่ง

2.6 ขอประเมินสินเชื่อ

วิธีกู้ซื้อบ้านหลังแรก ที่จะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองให้คุณได้ คือการยื่นประเมินสินเชื่อก่อนซื้อบ้าน (Pre-Approve) โดยธนาคารจะเช็กสถานะการเงิน และเครดิตบูโรมาให้ ทำให้เซลล์เห็นว่า คุณมีศักยภาพที่จะซื้อได้จริง แต่สำหรับการซื้อบ้านเงินสด ไม่จำเป็นต้องทำในส่วนนี้

2.7 ลองพูดคุยกับโครงการอื่น

หากคุณลองเข้าไปพูดคุย กับคอนโดสวย ๆ หรือโครงการบ้านอื่น ๆ ในละแวกใกล้เคียงด้วยตัวเอง คุณได้เห็นภาพจริงและรับทราบข้อมูลจริง เมื่อคุณกลับไปต่อรองกับโครงการที่ต้องการ คำพูดของคุณจะมีน้ำหนักมากขึ้น และมั่นใจที่จะกำหนดตัวเลขว่า จะต่อราคาบ้าน เท่าไหร่ดี

2.8 เจรจากับโครงการอีกครั้ง

ให้คุณนำข้อมูลสินเชื่อยื่นให้กับผู้ขาย พร้อมเล่าถึงข้อมูลและจุดเด่นของโครงการอื่น ที่คุณได้ไปพูดคุยมา เพื่อแสดงให้เซลล์เห็นว่า คุณกำลังพิจารณาโครงการอื่นอยู่ด้วย อาจเป็นการกระตุ้นให้ผู้ขายตัดสินใจลดราคา หรือหาทางพูดคุยกับผู้ใหญ่ เพื่อช่วยขอส่วนลดได้เร็วขึ้น

2.9 ยื่นข้อเสนอสุดท้าย

วิธีต่อรองราคาบ้านในขั้นตอนนี้ ให้คุณตอกย้ำราคาสุดท้ายที่ต้องการ และแสดงให้เห็นว่า คุณต้องการซื้อบ้านหรือคอนโดแห่งนั้นจริง ๆ แต่ติดปัญหาที่สู้ราคาไม่ไหว และคงต้องไปดูโครงการอื่นแทน