ความฝันที่จะมีบ้าน มีคอนโดเป็นของตัวเองนั้น นับเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ของใครหลายคน บางคนฝันอาจไม่กลายเป็นจริง แต่ยังมีคนอีกมากมาย ที่สานฝันให้กลายเป็นจริงได้ ไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เป็นเพราะพวกเขารู้จักวิธีเก็บเงินซื้อบ้านต่างหาก
1. จะเก็บเงินซื้อบ้าน ต้องประเมินความสามารถในการกู้ธนาคารก่อน
การวางแผนออมเงินซื้อบ้าน ที่อิงตามตัวเลขของรายรับจริง จะทำให้ประสบความสำเร็จได้ง่าย สามารถซื้อคอนโด, ซื้อทาวน์โฮม, ทาวน์เฮ้าส์ หรือบ้านมือสองราคาถูกเป็นของตัวเองได้จริง ดังนั้นควรเริ่มจากการนำรายรับสุทธิ มาคำนวณยอดเงินต่อเดือนที่ผ่อนไหว ซึ่งส่วนใหญ่ธนาคารจะคิดที่ 40% ของรายรับสุทธิ แล้วนำไปคูณเพิ่ม 150 เท่า จะได้เป็นวงเงินสูงสุดที่สามารถกู้ได้
ตัวอย่าง :
เงินเดือน 25,000 บาท มีหนี้รายเดือน 2,000 บาท
- รายรับสุทธิ = 25,000 – 2,000 = 23,000 บาท
- ยอดเงินผ่อนต่อเดือน = 23,000 x 40% = 9,200 บาท
- วงเงินกู้สูงสุด = 9,200 x 150 = 1,380,000 บาท
ทีนี้คุณก็จะพอเห็นภาพคร่าว ๆ แล้วว่า ควรเลือกซื้อคอนโด หรือเลือกซื้อบ้านโครงการไหนดี ที่ราคาอยู่ในเกณฑ์ และยังพอทราบด้วยว่า จะต้องเก็บเงินซื้อบ้าน กี่ปี
2. 12 เคล็ดลับ เก็บเงินซื้อบ้านหลัง แรก และคอนโดให้สำเร็จ
2.1 ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
จะซื้อบ้านควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ ? มีเงินเดือน 15,000 ซื้อคอนโดได้ไหม ? การจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ ต้องเริ่มจากทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนบุคคลก่อน เพื่อให้ทราบข้อมูลทรัพย์สินและหนี้สินตามความเป็นจริง
2.2 แยกประเภทบัญชีธนาคาร
ถ้าอยากรู้ว่า จะต้องเก็บเงินซื้อบ้าน กี่ปี ? แนะนำให้แยกวัตถุประสงค์ของแต่ละบัญชีธนาคารให้ชัดเจน เช่น บัญชีเก็บเงินสำหรับซื้อบ้าน, บัญชีค่าสาธารณูปโภค, บัญชีเงินสำรอง จะได้วางแผนจัดการได้ง่ายขึ้น
2.3 หาอาชีพเสริมทำ
สำหรับคนทำงานประจำ อย่างมนุษย์เงินเดือน, ข้าราชการ, ลูกจ้าง ที่อยากเก็บเงินซื้อบ้านหลัง แรก แต่เงินเดือนน้อย แนะนำให้หาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ เช่น ขายของออนไลน์, อินฟลูเอนเซอร์, เขียนบทความ จะได้มีเงินเก็บเยอะขึ้น
2.4 สร้างวินัยการออม
การจะซื้อบ้านและคอนโด ต้องใช้เงินดาวน์ 10 – 20% ดังนั้นคุณควรวางแผนซื้อบ้าน โดยกำหนดเป้าหมายการออมประมาณ 10 – 20% ของราคาขาย แล้วจัดตารางเก็บเงินซื้อบ้านให้สม่ำเสมอทุกเดือน
2.5 เก็บเงินในธนาคาร
เมื่อทราบแล้วว่า ซื้อบ้านควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ ก็ควรนำเงินจำนวนนั้นฝากธนาคารให้เรียบร้อย เพราะหากเก็บเป็นเงินสดไว้กับตัว จะทำให้หยิบมาใช้ง่ายเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยเสริม Statement ให้ดูน่าเชื่อถือ เมื่อนำไปขอสินเชื่อบ้าน ก็จะผ่านฉลุยแน่นอน
2.6 แบ่งเงินลงทุน
เก็บเงินซื้อบ้าน กี่ปีก็อาจไม่สำเร็จ ถ้าหวังจะรับดอกเบี้ย 0.25% จากเงินออมเพียงอย่างเดียว จึงขอแนะนำให้แบ่งลงทุนในกองทุนรวม, สลากออมทรัพย์, ตราสารหนี้, พันธบัตร หรืออาจลงทุนอสังหาราคาถูก จะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาผ่อนบ้านไม่ไหว และยังอาจช่วยให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น 2 เท่าด้วย
2.7 จำกัดรายจ่ายรายวัน
กำหนดงบกินใช้รายวันให้ชัดเจน แล้วหยิบเงินใส่กระเป๋าแบบวันต่อวัน โดยห้ามดึงจากส่วนอื่นมาใช้เพิ่มอีก ยกเว้นมีเหตุจำเป็นหรือฉุกเฉินจริง ๆ จะได้เก็บเงินซื้อบ้านสำเร็จเร็ว ๆ
2.8 พยายามเคลียร์หนี้เก่า
ควรแบ่งเงินจำนวนหนึ่งมาชำระหนี้คงค้างเก่า ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะหนี้สินเหล่านี้ มักมาพร้อมกับดอกเบี้ยที่สูงลิ่ว ซึ่งหากผิดนัดชำระ ก็จะทำให้คุณเสี่ยงติดแบล็กลิส จนอาจกู้คอนโด กู้บ้านไม่ผ่านด้วย
2.9 หยุดสร้างหนี้ใหม่
การเก็บเงินซื้อบ้านหลัง แรกนั้น นอกจากจะต้องเคลียร์หนี้สินเก่า ๆ แล้ว ก็ยังจะต้องหยุดสร้างหนี้ใหม่ ๆ ด้วย ทั้งการซื้อของชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ รวมถึงการซื้อของฟุ่มเฟือยทุกชนิด จะได้เก็บเงินครบตามเป้าหมายภายในเวลาไม่นาน
2.10 หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายออนไลน์
ความน่ากลัวของการชอปปิงออนไลน์ ผ่านทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ คือการโอนเงินผ่านอากาศ จับต้องไม่ได้ มองไม่เห็นตัวเงินที่เสียไป จนอาจทำให้คุณขาดความยับยั้งชั่งใจ ขาดความตระหนัก สุดท้ายก็เก็บเงินไม่ครบสักที
2.11 ตีกรอบการใช้บัตรเครดิต
การมีบัตรเครดิตถือเป็นสิ่งที่ดีในแง่ของเครดิตบูโร เพราะธนาคารจะได้เห็นพฤติกรรมการใช้เงินของคุณ ทำให้สามารถตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็จำเป็นจะต้องจำกัดการใช้บัตรเครดิต เฉพาะที่วางแผนไว้เท่านั้นด้วย
2.12 ทำอาหารทานเอง
ไม่ว่าซื้อบ้านควรมีเงินเก็บเท่าไหร่ จะหลักหมื่น หลักแสน หรือหลักล้าน ก็ไม่ควรมองข้ามรายจ่ายที่ดูเหมือนจะเล็กน้อย อย่างค่ากินดื่มนอกบ้านเสมอ เพราะเมื่อลองคำนวณดูแล้ว อาจแตะหลักหมื่น หลักแสนเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นลองทำอาหารทานเองบ้าง น่าจะช่วยประหยัดได้ไม่น้อย
3. สรุป
การเก็บเงินซื้อบ้าน ซื้อคอนโดเป็นของตัวเอง คงไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝันอีกต่อไป หากคุณเริ่มจากประเมินสถานภาพการเงินของตัวเอง แล้วคำนวณวงเงินกู้สูงสุด จากนั้นมองหาอสังหาที่ราคาเข้าเกณฑ์ ที่มีความเป็นไปได้ สุดท้ายก็แค่วางแผนเก็บเงินตามขั้นตอน เพียงเท่านี้ก็มีบ้าน มีคอนโดเป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ แล้ว
บทความแนะนำ
7 ขั้นตอน ค่าธรรมเนียมโอนที่ดิน มีอะไรบ้าง ? รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ควรรู้ ! บทความนี้มีคำตอบ